วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

9 วันกับทริปอาจารย์จิ๋ว 8

บันทึกวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น โบราณสถาน อารยธรรมแห่งเมืองเหนือ


วันที่ 8
11 กรกฎาคม 2552

วันนี้เราออกจากที่พักเร็วกว่าปกติเพื่อจะไปที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียงอีกครั้งเพื่อทำการเดินชมและถ่ายรูปอย่างเต็มที่ ก่อนไปก็ข้ามไปกินข้าวที่ร้านก๋วยจั๊บร้านเดิม เมื่อไปถึงวัด อ.จิ๋วก็ชี้แจงเกี่ยวกับที่นี่เล็กน้อย วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุเชลียง
มีการสันนิษฐานว่าก่อนที่จะมาเป็นพระธาตุอย่างที่เราเห็นนี้คือเป็นลักษณะพระธาตุทรงแบบอยุธยาในสมัยที่สุโขทัยรุ่งเรืองน่าจะเป็นพระธาตุทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ซึ่งเป็นลักษณะที่แพร่หลายในสมัยสุโขทัยและเมื่อเข้าสู่ยุคของกรุงศรีอยุธยาได้มีการสร้างพระธาตุทรงอยุธยาครอบของเดิมโดยดูได้จากบัวขนาดใหญ่ด้านใน วัดพระศรีฯนี้ตั้งอยู่ด้านนอกห่างจากกำแพงด้านใต้ของเมืองศรีสัชนาลัยประมาณ 1.9 กม. ภายใน


บนซุ้มประตูทางเข้าวัด


วัดล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงแท่งกลมปักเรียงชิดติดกันเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ซุ้มประตูทางเข้าเป็นแบบปราสาทขอมยอดเป็นรูปพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 พักตร์ ระเบียงคดรอบฐานพระปรางค์มีหลายชั้นแยกระดับของภิกษุ พุทธศาสนิกชน มีความคล้ายคลึงกับที่นครศรีธรรมราชสามารถเรียกได้อีกอย่างว่าทับเกษตร และที่สำคัญคือพระพุทธรูปปางลีลาที่อยู่ทางด้านซ้ายของพระประธานมีความสวยงามในระดับโลกแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ปั้นที่มีความเลื่อมใสเข้าใจในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากจนสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรมได้อย่างดีมาก แล้วก็เดินถ่ายรูปกันเรื่อยไปจนได้เวลาต้องย้ายที่ เราก็ไปต่อกันที่วัดต่อไปคือวัดกุฎีรายซึ่งเหลือเพียงมณฑป 2 หลัง สิ่งที่น่าสนใจคือเป็นอาคารก่อด้วยศิลาแลงทั้งหลังรวมทั้งหลังคาที่มีรูปทรงจั่วล้อเลียนหลังคามุงกระเบื้อง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นกิริยาแบบนั่ง และอีกอย่างคือมีการก่อซุ้มประตูแบบกรีก Early period อีกแล้ว เมื่อเสร็จภารกิจที่นี่เราก็ไปต่อที่วัดมหาธาตุความประทับใจครั้งแรกที่ได้เห็นคืออาณาบริเวณกว้างขวางมากและโบราณสถานที่เหลืออยู่ยังมีร่องรอยแห่งความสวยงามอยู่มาก พื้นที่ส่วนประธานของวัดมีเจดีย์ประธานแวดล้อมด้วยเจดีย์บริวารแปดทิศ การเดินเพื่อชมวัดนี้มีประเด็นเกี่ยวกับการวางทางเดินและความรู้สึกที่เกิดเมื่อเดินผ่านแล้วต้องเลี้ยวหรือเดินไปต่อทางไหน ทางเดินแคบบ้าง ใหญ่บ้างกับอาคาร เจดีย์ต่างๆที่วางเรียงรายอย่างมากมาย พระพุทธรูปปรางกิริยายืนที่มีผนังโอบล้อมอย่างแคบๆเกิดเป็น space ต่างออกไปจากที่พระพุทธรูปตั้งอยู่กับอากาศธรรมดาแบบที่เราเห็นทั่วไปเกิดเป็นการสร้างจุดเด่นทำให้รับรู้อีกแบบหนึ่ง พวกเราก็เดินกันไปถ่ายภาพกันไปแบบร้อนมากเพราะวันนี้แดดเปรี้ยงจริงๆเพราะว่าเป็นวัดใหญ่ทำให้องค์ประกอบในวัดนั้นมากมายให้ได้ดูกันอย่างเต็มที่ พอเราเสร็จจากวัดมหาธาตุเราก็ไปต่อกันที่วัดศรีสวายซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ ใกล้กับกำแพงเมืองสุโขทัยด้านทิศใต้ โบราณสถานสำคัญประกอบไปด้วยปรางค์ 3 องค์มีรูปแบบของขอมลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียวมีลวดลายปูนปั้นบางส่วนคล้ายกับของจีน พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูปและศิวลึงค์ ด้านหน้ามีวิหาร 2 หลังสร้างเชื่อมต่อกัน ล้อมบริเวณวัดด้วยกำแพงก่อศิลาแลง ยอดพระปรางค์ที่มีการสลักลวดลายใช้การ fade out จากด้านล่างชัดเจนเห็นรายละเอียดมากสุดพอค่อยๆสูงขึ้นไปก็ลดทอนรายละเอียดลง เมื่อเสร็จแล้วเราก็ไปที่ศูนย์เผยแพร่ความรู้ประวัติศาสตร์สุโขทัยขณะนั้นเองความอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเข้าจู่โจมแบบเต็มที่ อาจเป็นเพราะตื่นเช้าด้วยแล้วก็เดินกลางแดดร้อนแรงด้วย พอมาถึงที่นี่ก็ไม่มีแรงรับข้อมูลแล้วเดินไปเดินมาในอาคารสักพักพี่วิทยากรก็มาถึงและบรรยายประวัติศาสตร์สุโขทัยให้ฟัง ช่วงเวลานั้นข้าพเจ้าขอกินแรงเพื่อนเล็กน้อยแอบงีบบนโซฟาจนพี่เขาบรรยายเสร็จ ตื่นมาก็ไปถ่ายรูปเดินดูบริเวณสักหน่อย ตัวอาคารเป็นรูปแบบสุโขทัยวัสดุมีทั้งคอนกรีตและไม้แต่ก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจอยู่เช่นตัวเหงาขนาดใหญ่กว่าปกติ บัวหัวเสาที่ไม่เคยเห็นแต่ก็ดูสวยงามเข้าสัดส่วน และการวางสัดส่วนอาคารที่ดูเหมาะสมกลมกลืน แล้วก็ไปต่อกันอีกที่วัดพระพายหลวงซึ่งมีลักษณะของขอมอย่างชัดเจน สันนิษฐานว่าก่อสร้างก่อนตั้งสุโขทัยเป็นราชธานี ที่เสาวิหารยังเห็นช่องสำหรับใส่ขื่อวางเต้าหลงเหลืออยู่ และมีวิหารพระสี่อิริยาบถและมณฑปอยู่ใกล้ๆกัน ลักษณะมณฑปก่อสร้างเป็นแกนรอบแกนประดิษฐานพราะพุทธรูปขนาดใหญ่ใน 4 อิริยาบถคือ เดิน นั่ง และยืน แต่ที่เหลือให้เห็นนั้นน้อยจนดูแทบไม่ออก วัดต่อไปที่เราไปกันก็เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของวันนี้ได้เหมือนกัน คือ วัดศรีชุม ด้วยแสงอ่อนๆของแดดเวลาเย็นประกอบกับอาคารทรงสี่เหลี่ยมตันเจาะช่องขนาดใหญ่พอให้เห็นส่วนของพระพุทธรูปอิริยาบถนั่งขนาดใหญ่เท่าตึก 4 - 5 ชั้นที่ประดิษฐานอยู่ภายใน ก็ทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามเหมาะกับเป็นวัดสุดท้ายของวันนี้อย่างแท้จริง รูปแบบของอาคารก็จะมีวิหารอยู่ด้านหน้าอาคารสี่เหลี่ยมตันขนาดใหญ่นั้นเองเราก็บันทึกภาพกันจนพอประมาณแล้วก็มาซื้อของชำร่วยกันที่ร้านหน้าทางเข้าวัดซึ่งเรียกว่าเหมากันจนหมดร้าน ของที่ซื้อก็จะนำไปฝากน้องรหัสของแต่ละคนนั่นเอง ส่วนข้าพเจ้าไม่ได้ซื้อเท่าไหร่เพราะกลัวซ้ำกันมากๆเดี๋ยวน้องเบื่อ ภารกิจเสร็จสิ้นก็เป็นการจบการเดินทางชมโบราณสถานสุโขทัยในวันนี้อย่างสวยงาม เป็นวันที่เหนื่อยมากที่สุดวันหนึ่งก่อนเราจะกลับโรงแรมก็แวะกันที่จุดชมวิวบนสันเขื่อนอะไรก็จำชื่อไม่ได้ ถ่ายรูปแบบมืดๆไปจนพอใจกันก็ขึ้นรถพี่แป๊ะกลับสู่ที่พัก เดินไปกินข้าวที่ร้านเดิมที่กินทุกวันตั้งแต่มาสุโขทัยอิ่มแล้วก็กลับห้องพัก เตรียมข้าวของเพื่อพร้อมที่จะกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เข้านอนเตรียมตัวสู่วันพรุ่งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น