วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

9 วันกับทริปอาจารย์จิ๋ว 2

บันทึกวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น โบราณสถาน อารยธรรมแห่งเมืองเหนือ

วันที่ 2
5 กรกฎาคม 2552
ตื่นเช้ามาด้วยการปลุกของเพื่อนร่วมห้อง พัชระแต่งตัวเตรียมไปกันแล้วต้องรีบอีกแล้ว จัดการธุระของตัวเองเสร็จสิ้นก็ขึ้นรถไปพร้อมกับฝนที่โปรยปรายลงมาต้อนรับสู่เมืองลำปาง ที่แรกที่ไปในวันนี้คือวัดไหล่หินหลวงฝนก็คงตกอยู่อาจสร้างความลำบากให้แก่การใช้กล้องและกระดาษสำหรับจด แต่ไม่เป็นอุปสรรคในการขวนขวายหาความรู้อย่างแน่นอน ลงจากรถเดินเข้ามาสู่ทางเข้าสิ่งที่พบเจอคือแกนของทางเดินที่พุ่งตรงสู่ซุ้มประตูทางเข้าเลยไปถึงตัวของพระวิหารไม่ตรงกันและเมื่อเดินเข้าใกล้วัดเข้าไปเรื่อยๆความรู้สึกที่คิดในตอนแรกว่าใหญ่กลายเป็น”เฮ่ยนี่มันเล็กนี่หว่า”ซึ่งเล็กแบบเล็กๆน่ารัก และก็เป็นประเด็นสำคัญที่ อ.เจ็งต้องการชี้ให้เห็นจากการที่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองเมื่อครั้งอดีต คือวัดนี้จะมีความต่างอย่างที่บอกคือเล็กกว่าที่วัดอื่นๆเป็นเมื่อ อ.เจ็งมาถึงก็เกิดการถูกลวงตาด้วยสเกลของวัดที่เทียบกับต้นมะขามด้านหลังที่ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของวิหาร ซุ้มประตู ประติมากรรมสิงห์ และแนวแกนที่ทำให้เกิดการรับรู้ในลักษณะลวงตา ซึ่งในส่วนของ อ.จิ๋วนั้นก็ชี้ถึงประเด็นของวัฒนธรรมจากวิถีชีวิตของชาวบ้านกับวัด การใช้ลานทรายตามกุศโลบายของคนสมัยก่อนที่ทำความสะอาดง่ายดูแล้วเรียบสบายตา วัดนี้มีความสงบในตัวของมันเอง กระเบื้องหลังคาซ้อนทับกันละเอียดเล็กลดทอนระนาบไม่มีการตีฝ้า ขื่อไม่บังพระประธานโดยการตั้งขื่อตุ๊กตา ระนาบของแป กลอนแบ่งจังหวะกันเกิดความสัมพันธ์กับลายหน้าบัน ส่วนของวิหารคด กดเตี้ย เมื่อมองไปตามทางเดินสายตาถูกกำหนดด้วยผนังของวิหาร สีของเม็ดทรายบนพื้นภายในก็ช่วยสร้างความเวิ้งว้างทำให้วิหารใหญ่โตขึ้นอีก แล้วก็เดินชื่นชม space ทั้งภายนอกภายในจนเดินเข้าไปนั่งจดผังในวิหาร ขณะนั้นเอง อ.วัฒน์และ อ.ไก่ก็เข้ามาให้ความรู้และแง่คิดบางอย่าง(ซึ่งปัจจุบันก็ยังคิดไม่ออก)ใจความก็เกี่ยวข้องกับการทำให้อาคารขนาดเล็กดูใหญ่ โดยการเทียบสเกล spaceในลักษณะต่างๆเช่น negative – positive space, space within space เป็นต้น เมื่อได้ความรู้เรียบร้อยก็ได้เวลา move ไปสู่จุดหมายต่อไปแต่ระหว่างที่จะไปขึ้นรถก็ขอเข้าห้องน้ำปัสสาวะซักหน่อยแล้วก็วางสมุดจดไว้บนขอบผนัง เสร็จกิจปั๊บขึ้นรถแล้วก็นั่งไปสักพักก็นึกได้ว่า”ลืมสมุดว่ะกู” ตัดสินใจเดินไปบอก อ.หน้ารถ อ.น้ำเลยบอกว่าเดี๋ยวค่อยให้รถตู้ ป.โทพากลับ กลายเป็นเรื่องเลยสุดท้ายก็ได้คืนโดยพี่คนขับรถตู้พากลับไปเอาให้ซึ่งเค้าก็ใจดีไม่บ่นซักคำแถมได้นั่งคุยกับแกจนรู้ว่าลูกเค้าจบ วจ.ทำงานอยู่ช่อง3อีกคนเรียนที่ ม.ขอนแก่น แต่อ.น้ำก็ดูหงุดหงิดนิดๆ ก็กลายเป็นอย่างที่คิดว่าทริปนี้มันต้องมีเรื่องเปิ่นๆก็มีจนได้และก็ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายของทริป นี้ละกัน เมื่อได้สมุดเรียบร้อยก็เข้าไปสู่จุดหมายปลายทางต่อมาคือ วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุประจำปีของคนเกิดปีฉลูซึ่งก็คือปีเกิดของข้าพเจ้าแต่เราก็จำไม่ได้จนมาอ่านนิตยสารท่องเที่ยวตอนกลับถึงโรงแรมแล้วน่าเสียดายเป็นอย่างมาก วัดนี้มีประเด็นสำคัญที่ตัวของโครงสร้างที่สลับซับซ้อน ลายประดับที่วิจิตรบรรจงสัมพันธ์กับโครงสร้าง สัมพันธ์กับspace เป็นสถาปัตยกรรมลักษณะล้านนาที่แสดงถึงความเข้าใจในสถาปัตยกรรมของช่างการใช้ขนาดของเสา ขื่อ แป กลอน ระแนง คันทวย และองค์ประกอบอื่นที่มีความปราณีตอย่างที่สุด ส่วนสำคัญอีกอันคือแผงคอสองที่มีระดับสูงขึ้นมาจากพื้นพอให้นั่งบนพื้นวิหารแล้วมองออกไปเห็นอาคารแวดล้อมรอบวิหาร เห็นการเชื่อมต่อกันของอาคารและพื้นทรายที่มีการใช้ตามคติคล้ายกับวัดไหล่หินหลวง สุดท้ายคือ positive – negative sense จากลายฉลุที่หน้าบันของวิหารเมื่อมองจากภายนอกจะเห็นลายวิจิตรบรรจงสวยงามแต่เมื่อเข้ามาข้างในมองออกไปจะพบเป็นช่องแสงตัดกับเงาดำของไม้เกิดเป็น positive – negative sense ตามที่ อ.กรินอธิบายขยายความ อ.จิ๋ว ให้ข้าพเจ้าฟังอีกที แล้วเดินขึ้นไปที่หอสำหรับดูพระธาตุกลับหัวอันมีชื่อเสียงให้เห็นกับตานิดนึง เสร็จแล้วเราก็ไปกินข้าวเที่ยงและไปต่อที่วัดปงยางคกเป็นอันดับต่อไปความสำคัญของวัดนี้เกิดจากคุณค่าของการวางตัววิหารให้เข้ากับสภาพแวดล้อม การก่อสร้างง่ายๆ เสา ขื่อไม้ สัดส่วน การจัดระเบียบลวดลาย ความสูงของเพดาน จังหวะการวางขื่อ ระยะเสา การลดหลั่น หน้าจั่ว หน้าบัน กำแพง เมื่อทั้งหมดเข้ามาสอดผสมกันทำให้เกิดวิหารโถงที่แสดงถึง sense of space ลายกรุทองก็สัมพันธ์กันกับสัดส่วนของเสา ขื่อ เมื่อเสร็จจากที่นี่เราก็เดินทางในขากลับสู่โรงแรม แม้จะวันที่สองแล้วแต่ฝนก็ยังตกอยู่เหมือนเดิม ขณะเดินทางเราก็แวะบ้านเก่าในลักษณะสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นไปตามทางเพื่อชักรูปเก็บไว้และศึกษาถึงโครงสร้างการใช้งานที่เกิดจากวิถีชีวิตจริงๆของชาวบ้าน วัสดุในท้องที่ ระบบการก่อสร้างที่พัฒนาเพื่อเข้ากับช่างในพื้นที่ ซึ่งลักษณะของบ้านในที่ที่เราไปวันนี้จะไม่ถึงขั้นเนี๊ยบมาก แต่ก็มีความสวยงามในตัวของมันจากระนาบที่เกิด space ที่จำเป็นอย่างจริงจัง จบวันนี้ด้วยบ้านริมทางแล้วเราก็มุ่งหน้ากลับสู่โรงแรมกินข้าว ถึงที่พักก็ซักผ้าก่อนเพราะรู้สึกว่าเสื้อผ้าจะไม่พอแล้วก็นอนดูทีวีเล็กน้อย เอารูปไปลง Thumb Driveโดยเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาของกิตติคุณ อาบน้ำแปรงฟัน เพื่อนๆออกไปแสวงโชคกันข้าพเจ้าก็หลับไปพร้อมๆกับ อินเดียน่า โจนส์ภาคกะโหลกแก้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น